เปิดสถิติใหม่! คนไทยอ้วนเกือบครึ่งประเทศ ภัยร้ายที่ถูกมองข้าม

โรคอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อผู้คน ส่วนหนึ่งเพราะรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้คนเรามีเวลาดูแลสุขภาพน้อยลง อีกทั้งอาหารการกินในแต่ละวันก็มักจะเป็นอาหารแบบสำเร็จรูป อาหารจานด่วน ของทอด ของหวาน อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อย สถิติใหม่จากกระทรวงสาธารณสุขเผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจว่า คนไทยเกือบครึ่งประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาโรคอ้วน

ข้อมูลสุขภาพเผย คนไทยมีภาวะอ้วนสูงขึ้น

ข้อมูลจากสมาพันธ์โรคอ้วนโลกระบุว่า มีประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกกว่า 988 ล้านคนกำลังมีปัญหาโรคอ้วน ส่วนในประเทศไทย ข้อมูลผลสำรวจสุขภาพคนไทยโดยการตรวจร่างกายล่าสุด (ปี 2562-2563) โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขพบว่า ผู้หญิงไทยร้อยละ 46.4 และผู้ชายไทยร้อยละ 37.8 มีภาวะอ้วนหรือมีค่า BMI ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป ในขณะที่ผู้ชายไทยร้อยละ 27.7 และร้อยละ 50.4 ในหญิงไทยมีภาวะอ้วนลงพุง หรือมีรอบเอวตั้งแต่ 32 นิ้ว (80 เซนติเมตร) ขึ้นไปสำหรับผู้หญิง และตั้งแต่ 36 นิ้ว (90 เซนติเมตร) ขึ้นไปสำหรับผู้ชาย นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้หญิงในกรุงเทพมหานครมีความชุกภาวะอ้วนลงพุงสูงสุด

สาเหตุของปัญหาโรคอ้วนในคนไทย

ปัญหาโรคอ้วนของคนไทยส่วนใหญ่มักจะเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการควบคุมน้ำหนักที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหลายคนไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจดูแลสุขภาพมากนัก โดยเฉพาะวัยเรียนและวัยทำงาน โดยมีสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดโรคอ้วน คือ

  • ทานอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการน้อย เช่น อาหารแปรรูป อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีปริมาณไขมัน และโซเดียมสูง เมื่อทานเป็นประจำก็ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความจำเป็น ส่งผลให้เป็นโรคอ้วน
  • ทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม ชานมไข่มุก และขนมต่างๆ ที่มีรสชาติหวานมากๆ อย่างขนมเค้ก ไอศกรีม บิงซู ฮันนี่โทสต์
  • ขาดการควบคุมน้ำหนักและการควบคุมอาหารการกิน มีคนไทยไม่น้อยที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจต่อการควบคุมน้ำหนัก เมื่อน้ำหนักตัวเริ่มขึ้นก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ
  • ขาดการออกกำลังกาย ไม่ค่อยได้เดินหรือเคลื่อนไหวร่างกาย คนส่วนใหญ่มักนั่งทำงานนานๆ ใช้เวลากับหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์มากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายลดลง พอไม่ค่อยได้ขยับตัวไปไหนเลย ก็เลยไม่เกิดการเผาผลาญพลังงาน ผลที่ตามมาก็คือทำให้อ้วนนั่นเอง

ผลกระทบต่อสุขภาพและสังคมจากปัญหาโรคอ้วน

ปัญหาของโรคอ้วนสามารถส่งผลต่อชีวิตประจำวันจากรูปร่างที่เปลี่ยนไป และน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น การเคลื่อนไหวมีความคล่องตัวน้อยลง ลุก นั่ง และเดินไม่สะดวกเท่าที่ควร นอกจากนี้ ปัญหาโรคอ้วนยังนำมาซึ่งโรคเรื้อรังต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อีกทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ความมั่นใจในตัวเองลดลง 

โรคอ้วนไม่ใช่แค่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพและเศรษฐกิจ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุข จากการที่ต้องรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโรคอ้วนทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เหล่านี้ได้นั่นเอง

แนวทางการแก้ไขปัญหาโรคอ้วน

โรคอ้วนเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากเราดูแลและใส่ใจสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ และให้ความสำคัญกับภาวะก่อนเป็นโรคอ้วน หรือ Preclinical Obesity โดยการรักษาโรคอ้วนควรเริ่มตั้งแต่ระยะแรก แม้ค่า BMI ยังไม่เกินมาตรฐานก็ตาม โดยค่าที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงไทยเฉลี่ยคือ 24.4 และชาวไทยคือ 23.1 สำหรับใครที่อยากปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาโรคอ้วน สามารถทำได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

  • ปรับพฤติกรรมการกินเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ลดอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
  • หากทำงานที่ต้องนั่งนานๆ ควรหาเวลาลุกมาขยับร่างกายบ้าง และอาจเพิ่มกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายด้วย

การวินิจฉัยภาวะโรคอ้วนสำหรับรายบุคคล

การวินิจฉัยภาวะอ้วนรายบุคคลควรใช้เครื่องมือที่วัดสัดส่วนของไขมันในร่างกายเทียบกับน้ำหนักตัว (Body Fat) ที่ช่วยให้รู้รายละเอียดของมวลกล้ามเนื้อหรือมวลไขมันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น หรือหากไม่สามารถวัด Body Fat ได้ ก็อาจเลือกใช้วิธีวัดสัดส่วนของร่างกาย เช่น การวัดเส้นรอบเอว สำหรับผู้ชายถ้ามากกว่า 36 นิ้ว ถือว่าอ้วนลงพุง ส่วนผู้หญิงมากกว่า 32 นิ้ว นอกจากนี้ สามารถใช้การวัดเส้นรอบเอว (เมตร) หารด้วยเส้นรอบสะโพกที่ยาวที่สุด โดยผู้ชายถ้าเกิน 1.0 และผู้หญิงถ้าเกิน 0.8 ถือว่าอ้วนลงพุง

  • กลุ่มคนที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อปัญหาโรคอ้วน มักจะมีพฤติกรรมดังนี้
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ทานอาหารไม่หลากหลาย
  • ทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงเกินไป
  • ทานผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์น้อยเกินไป
  • มีความเครียดและปัญหาทางจิตใจ
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนไม่หลับ
  • ติดมือถือ เล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเลตตลอดเวลา

ปัญหาโรคอ้วนเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งจากตัวบุคคล ครอบครัว โรงเรียน องค์กร และภาครัฐเองก็ควรมีมาตรการสนับสนุนด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน หากใครรู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงตามที่กล่าวไว้ข้างตน ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โดยเลือกทานอาหารให้หลากหลายมากขึ้น ลดของหวานและของทอดให้น้อยลง เน้นอาหารที่มีประดยชน์ต่อร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายบ้างจะดีมาก กรณีที่เป็นโรคอ้วนเพราะพันธุกรรมหรือมีภาวะเจ็บป่วยอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา เพื่อให้ร่างกายกลับมามีสุขภาพดี สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสดใสและแข็งแรง

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top