ปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุไหม หรืออยู่ดีๆ ก็มีผื่นแดงขึ้นเป็นแถบยาวและกลายเป็นตุ่มน้ำใส อาการเหล่านี้ไม่ใช่แค่โรคผิวหนังทั่วไป แต่อาจเป็นสัญญาณของ “โรคงูสวัด” (Herpes Zoster) โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายรอวันที่เราอ่อนแอ แม้โรคนี้นิยมเรียกกันว่าโรคผิวหนัง แต่ความจริงแล้วเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับปลายประสาทโดยตรง ซึ่งหากปล่อยไว้นานโดยไม่รีบรักษา อาจทิ้งความเจ็บปวดทรมานไว้เป็นเวลานานนับปี
บทความนี้ โรงพยาบาลศรีสุโข จะพาคุณไปเช็ก 3 สัญญาณเตือนสำคัญของโรคงูสวัด เพื่อให้คุณรู้ทันและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันท่วงที
รู้จัก “งูสวัด” ภัยเงียบจากไวรัสอีสุกอีใส
โรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคอีสุกอีใส (Varicella Zoster Virus) เมื่อเราเคยเป็นอีสุกอีใสและหายดีแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะไม่ได้หายไปจากร่างกาย แต่จะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบสงบที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย หรือเมื่ออายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันลดลง เชื้อไวรัสที่ซ่อนอยู่ก็จะเพิ่มจำนวนและกระจายตัวออกมาตามเส้นประสาท ทำให้เกิดการอักเสบและแสดงอาการทางผิวหนัง เป็นโรคงูสวัด
3 อาการเตือน “งูสวัด” ที่ต้องเฝ้าระวัง
อาการของงูสวัดมักจะค่อยเป็นค่อยไป การสังเกตอาการได้เร็วจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้ โดยมีลำดับอาการดังนี้

1. ปวดนำมาก่อน (ระยะเตือนภัย)
ก่อนที่จะมีผื่นขึ้นประมาณ 1 ถึง 5 วัน ผู้ป่วยมักจะมีอาการนำมาก่อน ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่น อาการที่พบได้แก่
- ปวดแสบปวดร้อน รู้สึกปวดลึกๆ บริเวณผิวหนัง อาจมีอาการคันยุบยิบ หรือรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ คล้ายไฟช็อต
- เจ็บชายโครงหรือปวดเมื่อย หากเชื้อหลบอยู่ที่ปมประสาทบริเวณลำตัว อาจทำให้รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว หรือปวดเสียวแปลบตามแนวเส้นประสาท
- มีไข้ต่ำๆ บางรายอาจมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว และปวดศีรษะร่วมด้วย
2. ผื่นแดงและตุ่มน้ำใส (ระยะแสดงอาการ)
หลังจากเริ่มมีอาการปวด จะเริ่มมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามรูขุมขน และพัฒนาไปสู่ลักษณะเฉพาะของโรคนี้
- ขึ้นแถบเดียว ลักษณะเด่นของงูสวัดคือ ผื่นมักจะขึ้นเพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ไม่ข้ามแนวกลางลำตัว เช่น เป็นที่เอวขวาก็จะเป็นแค่ด้านขวา หรือเป็นที่ใบหน้าซีกซ้าย
- ตุ่มน้ำใสเรียงตัวเป็นกลุ่ม ผื่นแดงจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสเรียงกันเป็นกลุ่ม หรือเป็นแนวยาวตามเส้นประสาท คล้ายรูปร่างของงู
- ตุ่มแตกและตกสะเก็ด ภายในไม่กี่วัน ตุ่มน้ำใสอาจกลายเป็นสีขุ่น แตกออก และตกสะเก็ด ซึ่งจะค่อยๆ แห้งและหลุดลอกไปเองภายใน 7 ถึง 14 วัน
3. อาการปวดประสาทหลังผื่นหาย (ระยะภาวะแทรกซ้อน)
นี่คือสิ่งที่น่ากังวลที่สุด แม้ว่าแผลที่ผิวหนังจะหายดีแล้ว แต่ผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาจยังคงมีอาการปวดแสบปวดร้อนที่รุนแรงต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน หรือบางรายอาจเป็นปี ภาวะนี้เกิดจากเส้นประสาทถูกทำลายและอักเสบเรื้อรัง

ใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
แม้งูสวัดจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่เคยเป็นอีสุกอีใส แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีความเครียดสะสม
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
ทำไมต้องรีบรักษา “ภายใน 72 ชั่วโมง”
หัวใจสำคัญของการรักษาโรคงูสวัดคือ “ความรวดเร็ว” หากคุณเริ่มมีอาการผื่นแดงและตุ่มน้ำใส ควรรีบมาพบแพทย์ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) เพื่อรับยาต้านไวรัส การได้รับยาเร็วจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ ช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างอาการปวดประสาทเรื้อรังได้
นอกจากนี้ หากงูสวัดขึ้นบริเวณ “ใบหน้า” หรือ “ดวงตา” ต้องรีบพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอ เพราะเชื้ออาจลุกลามเข้าสู่จอประสาทตา ทำให้เกิดการอักเสบและเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นได้
การดูแลตัวเองเบื้องต้น
- รักษาความสะอาด อาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
- ประคบเย็น หากมีอาการปวดแสบปวดร้อน สามารถใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเกลือประคบแผลได้
- ไม่แกะเกา ห้ามเจาะตุ่มน้ำหรือแกะเกาแผลเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อและกลายเป็นแผลเป็น
- แยกของใช้ แม้งูสวัดจะติดต่อยากกว่าอีสุกอีใส แต่การสัมผัสแผลโดยตรงก็อาจแพร่เชื้อสู่ผู้ที่ไม่เคยเป็นอีสุกอีใสได้ จึงควรแยกเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว

ในปัจจุบันทางการแพทย์มีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ซึ่งสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดโรค และหากยังเป็นโรค อาการก็จะรุนแรงน้อยลง ช่วยลดความเสี่ยงของอาการปวดเส้นประสาทเรื้อรังได้อย่างมีนัยสำคัญ แนะนำเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความเสี่ยงเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
ที่ โรงพยาบาลศรีสุโข เรามีแพทย์พร้อมให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และรักษาโรคงูสวัด รวมถึงให้บริการวัคซีนป้องกันเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคุณและคนที่คุณรัก อย่าปล่อยให้อาการปวดแสบปวดร้อนมารบกวนชีวิต หากสงสัยว่ามีอาการ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
เช็คราคาค่าบริการ วัคซีนงูสวัด ของโรงพยาบาลศรีสุโขที่นี่
โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร
ที่อยู่: 22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
เบอร์โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: https://srisukho.co.th/



