วิเคราะห์เชิงลึก 4 วิธีลดน้ำหนักยอดฮิต พร้อมข้อดี ข้อเสียที่ควรรู้

การลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ใครหลายๆ คนตั้งใจทำไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ แต่ด้วยข้อมูลและวิธีการลดน้ำหนักนั้น มีค่อนข้างเยอะมาก อีกทั้งแต่ละวิธีก็มีหลักการและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปไม่น้อย จนอาจเกิดความสับสนในการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองได้ค่ะ บทความนี้ จึงมาแนะนำเจาะลึก 4 วิธีลดน้ำหนักยอดฮิต พร้อมทั้งข้อดี ข้อเสีย เพื่อให้ทุกๆคน สามารถตัดสินใจเลือกวิธีที่มีความปลอดภัยและตอบโจทย์ต่อสุขภาพได้อย่างเหมาะสมมากที่สุดนั่นเองค่ะ

แนะนำน้ำหนักและส่วนสูงที่เหมาะสม

ก่อนเริ่มต้นลดน้ำหนักนั้น สิ่งสำคัญคือการรู้จักน้ำหนักและส่วนสูงที่เหมาะสมของตัวเองค่ะ ซึ่งเราสามารถคำนวณได้จากดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) โดยทั่วไป BMI ที่อยู่ในเกณฑ์ปกติจะอยู่ระหว่าง 18.5 – 24.9 ซึ่งคำนวณได้จากน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง (เมตร) หรือก็คือ ค่า BMI จะบอกได้คร่าวๆ ว่าเรามีน้ำหนักเกิน น้ำหนักน้อย หรืออยู่ในเกณฑ์ปกตินั่นเองค่ะ

  • BMI ต่ำกว่า 18.5 หมายถึง น้ำหนักน้อยเกินไป
  • BMI 18.5 – 24.9 หมายถึง น้ำหนักปกติ
  • BMI 25.0 – 29.9 หมายถึง น้ำหนักเกิน
  • BMI 30 ขึ้นไป หมายถึง อ้วน

สูตรคำนวณค่า BMI

สูตรคือ ค่า BMI = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / (ส่วนสูง (เมตร))²

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณหนัก 60 kg สูง 160 cm (เท่ากับ 1.6 m) ค่า BMI ของคุณคือ 60 / (1.6)² = 23.44 อยู่ในระดับ ‘น้ำหนักปกติ’ ค่ะ

แต่ BMI เป็นเพียงตัวชี้วัดเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ ทั้งนี้ น้ำหนักตัวที่เหมาะสมนั้นไม่ได้หมายถึงน้ำหนักตัวที่น้อยที่สุดเสมอไปค่ะ แต่หมายถึงน้ำหนักตัวที่สอดคล้องกับส่วนสูง เพศ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลนั่นเอง 

4 วิธีลดน้ำหนักยอดฮิต

1. Ketogenic Diet (คีโตเจนิค ไดเอท)

หรือที่เรารู้จักและเรียกกันสั้นๆ ว่า คีโต นับว่าเป็นอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก โปรตีนปานกลาง และไขมันสูง หรือก็คือ การเน้นทานไขมันเยอะๆ และลดคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลงเรื่อยๆ นั่นเองค่ะ โดยหลักการคือ ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิสค่ะ ซึ่งร่างกายของเรานั้นจะเปลี่ยนไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงานแทนน้ำตาลกลูโคสค่ะ

  • ข้อดีคือ ช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในระยะสั้นค่ะ
  • ข้อเสียคือ อาจมีการขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินและแร่ธาตุ หากทำไม่ถูกต้องอาจมีอาการข้างเคียงอื่นๆ เล็กน้อย เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ หรืออ่อนเพลียได้ค่ะ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต ตับ หรือหัวใจด้วยนะคะ

2. Paleo Diet (พาเลโอ ไดเอท)

อาหารพาเลโอ บางคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อใช่มั้ยคะ แต่อาหารพาเลโอ เป็นอาหารที่เลียนแบบการกินของคนในยุคหินนั่นเองค่ะ โดยจะเน้นการกินอาหารที่หาได้ตามธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ผัก ผลไม้ ถั่ว และเมล็ดพืช ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม หรือก็คือ เน้นการทานโปรตีนเป็นหลัก และลดการทานคาร์โบโฮเดรตนั่นเองค่ะ

  • ข้อดีคือ ช่วยลดน้ำหนัก และลดการอักเสบในร่างกายได้ดีค่ะ
  • ข้อเสียคือ อาจขาดไฟเบอร์และวิตามินบางชนิด หากไม่วางแผนการกินให้ดี อาจได้รับโปรตีนสูงเกินไปได้ค่ะ

3. Atkins Diet (แอทกินส์ ไดเอท)

อาหารแอทกินส์ เป็นอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำมากๆเลยค่ะ ถือว่าเป็นวิธีที่ฮิตมาก โดยจะเป็นการเน้นทานโปรตีนและไขมันที่สูง คล้ายกับอาหารคีโตเลยค่ะ แต่จะมีความยืดหยุ่นในการปรับสูตรการทาน รวมถึงเลือกวิธีการทานอาหารได้มากกว่าวิธีอื่นๆ ค่ะ

  • ข้อดีคือ ช่วยลดน้ำหนักได้เร็ว
  • ข้อเสียคือ อาจมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ท้องผูก หากทำไม่ถูกต้องอาจเกิดภาวะไตวายได้

4. Intermittent Fasting (IF) 

เป็นวิธีการที่ฮิตมากที่สุด ใครๆ ก็รู้จัก และเรียกวิธีการนี้ว่า IF ค่ะ คือการอดอาหารแบบเว้นช่วงหรือการอดอาหารระยะสั้นนั่นเองค่ะ โดยเป็นการจำกัดเวลาให้ตัวเราเอง ในการทานอาหารในแต่ละวัน หรือแต่ละสัปดาห์ เพื่อลดปริมาณแคลอรี่ที่รับประทานในแต่ละวันค่ะ โดย IF ส่วนมาก มักจะแบ่งออกได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การอดอาหาร 16 ชั่วโมง และทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง ทั้งนี้ สามารถปรับเปลี่ยนเวลาทานของเราเองได้ค่ะ

  • ข้อดี ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มฮอร์โมนที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน และเพิ่มความไวต่ออินซูลิน
  • ข้อเสีย อาจทำให้หิวบ่อย หงุดหงิด และมีปัญหาสุขภาพในระยะยาวหากทำไม่ถูกวิธี รวมถึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน เป็นต้นค่ะ

ดูแลรูปร่างด้วยวิธีการควบคุมน้ำหนัก โดยคุณหมอกล้า

คุณหมอกล้า นายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข ประจำ Mali Clinic และแพทย์ประจำโรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร คุณหมอกล้าพร้อมให้บริการและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการควบคุมน้ำหนักและการดูแลรูปร่างให้เหมาะสมกับตัวเรานั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายและผู้หญิง สามารถปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำได้เลยค่ะ 

เนื่องจากคุณหมอกล้ามีความสนใจในการดูแลรูปร่าง รวมถึงการลดน้ำหนัก จึงได้เข้าร่วม Obesity Medicine Association หรือก็คือสมาพันธ์เวชศาสตร์โรคอ้วนของประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ โดยตัวคุณหมอกล้าได้ทำการศึกษาเรียนรู้การควบคุมน้ำหนัก และได้ออกแบบวิธีการดูแลรูปร่างและควบคุมน้ำหนักที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ และเหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละบุคคลนั่นเองค่ะ 

ดังนั้น หากใครสนใจลดน้ำหนัก และต้องการเลือกวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับเรานั้น ต้องอาศัยทั้งความอดทนและมีวินัยไม่น้อยเลยค่ะ แนะนำให้ทุกคนปรึกษากับแพทย์โดยตรงดีกว่านะคะ เพื่อสอบถามและได้รับคำตอบที่ถูกต้อง รวมถึงปลอดภัยต่อตัวเรามากที่สุดค่ะ ทั้งนี้ การมีรูปร่างที่เหมาะสม และน้ำหนักที่ดี ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจของตัวเราได้ แถมยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วยนั่นเองค่ะ สามารถสอบถามเกี่ยวกับบริการ เช็คตารางแพทย์เข้าตรวจ นัดพบแพทย์ล่วงหน้า ได้ที่ LINE Official @Srisukho (มี@นำหน้า)

Scroll to Top