ประเทศไทยมีสภาวะอากาศร้อนจัดในหลายช่วงของปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงเกิน 35 องศาเซลเซียสเป็นประจำ หนึ่งในภาวะอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ทัน คือ “ไข้แดด” หรือ Heatstroke ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันและระบบการระบายความร้อนของร่างกายไม่สมบูรณ์
เราจึงจะช่วยอธิบายให้เข้าใจภาวะไข้แดดในมุมที่ลึกขึ้น พร้อมวิธีสังเกตอาการ ดูแลอย่างถูกวิธี และทางเลือกในการป้องกันอย่างได้ผล
ไข้แดดคืออะไร?
ไข้แดด หรือ Heatstroke เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ซึ่งส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ อาจนำไปสู่ภาวะช็อก สมองบวม ไตวาย หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ภาวะนี้มักเกิดจากการตากแดดหรืออยู่ในที่ร้อนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในผู้ที่ดื่มน้ำน้อย มีกิจกรรมกลางแจ้ง หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิตและการควบคุมอุณหภูมิ
ทำไมเด็กและผู้สูงอายุจึงเสี่ยงต่อไข้แดดมากกว่ากลุ่มอื่น?
ในทางสรีรวิทยา เด็กเล็กและผู้สูงอายุมีลักษณะร่างกายที่ไม่สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศร้อนได้ดีเท่ากับวัยผู้ใหญ่ เช่น
- เด็กเล็ก มีอัตราการเผาผลาญสูง แต่ระบบขับเหงื่อยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี
- ผู้สูงอายุ มักมีระบบไหลเวียนเลือดและการตอบสนองต่ออุณหภูมิภายนอกลดลง อีกทั้งอาจมีโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ที่ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและความร้อนสะสมได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุบางรายอาจไม่รู้สึกกระหายน้ำ หรือเคลื่อนไหวได้น้อยลง จึงไม่ได้หาน้ำดื่มหรือเปลี่ยนที่อยู่เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด
อาการของไข้แดดที่ควรระวัง
อาการไข้แดดมักเกิดขึ้นแบบฉับพลัน ผู้ดูแลควรสังเกตอาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ
- ตัวร้อนจัด ผิวแห้ง ไม่มีเหงื่อ
- กระหายน้ำมาก หรือไม่สามารถดื่มน้ำได้
- หายใจเร็ว หัวใจเต้นแรง
- เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย ง่วงซึม สับสน
- หมดสติ หรือชักในกรณีรุนแรง
หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยด่วน หรือโทรสายด่วน 1669 และให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นระหว่างรอความช่วยเหลือ

วิธีดูแลและปฐมพยาบาลผู้ที่มีภาวะไข้แดด
หากสงสัยว่าผู้ป่วยมีภาวะไข้แดด ควรรีบดำเนินการดังนี้
- นำผู้ป่วยไปอยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทดี
- ถอดเสื้อผ้าที่หนาแน่นออกเพื่อระบายความร้อน
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัว หรือพัดลมช่วยเป่าให้ร่างกายเย็นลง
- ให้ดื่มน้ำทีละน้อย (ถ้ายังรู้สึกตัวและกลืนได้ดี)
- ห้ามใช้แอลกอฮอล์เช็ดตัว และห้ามให้ผู้ป่วยดื่มกาแฟหรือชา
ควรโทรเรียกรถพยาบาลหรือรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หากมีอาการรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการช่วยเหลือเบื้องต้น
แนวทางป้องกันไข้แดดในเด็กและผู้สูงอายุ
การป้องกันสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด
- หลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้งในช่วง 10.00–16.00 น.
- สวมเสื้อผ้าบางเบา ระบายอากาศได้ดี
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ควรรอให้รู้สึกกระหาย
- อยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี หรือเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ
- หมั่นสังเกตอาการโดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากในช่วงอากาศร้อน
หากต้องพาผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กเดินทาง ควรเตรียมน้ำดื่ม เสื้อผ้าสำรอง และหลีกเลี่ยงการอยู่ในรถยนต์ที่จอดตากแดดเป็นเวลานาน เพราะอุณหภูมิภายในรถสามารถสูงเกิน 50 องศาเซลเซียสได้ในเวลาไม่กี่นาที
เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของภาวะไข้แดด และรู้วิธีป้องกันอย่างถูกต้อง ก็สามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคนที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เปราะบาง เช่น เด็กเล็กและผู้สูงอายุ การเตรียมพร้อมคือหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพในช่วงหน้าร้อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือเข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติจากอากาศร้อน ได้ที่โรงพยาบาลศรีสุโข
โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตรที่อยู่: 22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
เบอร์โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: www.srisukho.co.th