โรคภูมิแพ้ในเด็ก ปัญหาสุขภาพที่หลายครอบครัวเผชิญ โดยเฉพาะบ้านที่มีพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดมีประวัติภูมิแพ้ คำถามสำคัญที่ตามมาคือ “ภูมิแพ้เป็นโรคทางพันธุกรรมหรือไม่?” และ “หากลูกเสี่ยง จะป้องกันได้อย่างไร?” บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของกรรมพันธุ์กับภูมิแพ้ในเด็ก พร้อมแนวทางดูแล

ความเกี่ยวข้องของ กรรมพันธุ์ กับ โรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ไม่ใช่โรคที่ถ่ายทอดโดยตรงแบบเดียวกับโรคทางพันธุกรรมบางชนิด แต่มีความเกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรมที่เพิ่มความไวของระบบภูมิคุ้มกัน พูดให้ง่ายขึ้นคือ พ่อแม่ไม่ได้ “ส่งต่อโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้” ให้ลูกโดยตรง แต่ส่งต่อ “ยีน” ที่ทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าเด็กคนอื่น หากพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเสี่ยงราว 30–40 เปอร์เซ็นต์ และหากทั้งสองคนเป็น ความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50–80 เปอร์เซ็นต์
แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนที่มีพ่อแม่เป็นภูมิแพ้จะต้องเป็นโรคนี้เสมอไป ปัจจัยอื่นอย่างสิ่งแวดล้อม อาหาร การติดเชื้อ หรือมลภาวะ ก็มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดอาการ
โรคภูมิแพ้ในเด็ก มีแบบไหนบ้าง ?
ลำดับการเกิดโรคภูมิแพ้ที่มักเกิดขึ้นตามช่วงวัยของเด็กกลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม Atopy) โดยอาการมักจะเริ่มจากรูปแบบหนึ่ง และเปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งเมื่อเด็กโตขึ้น เช่น
1. วัยทารก (0-1 ปี): ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) และ ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy)
- อาการแรกที่มักปรากฏ คือ ผื่นแดงคันตามแก้ม ข้อพับ ซึ่งสัมพันธ์กับการแพ้อาหาร เช่น นมวัว, ไข่, แป้งสาลี
2. วัยเด็กเล็ก (1-5 ปี): โรคหืด (Asthma)
- เมื่ออาการทางผิวหนังเริ่มดีขึ้น บางรายอาจเริ่มมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอเรื้อรัง ไอตอนกลางคืน หายใจมีเสียงวี้ด โดยมีตัวกระตุ้นเป็นการติดเชื้อไวรัส หรือสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
3. วัยเด็กโต (5 ปีขึ้นไป): จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis)
- อาการทางจมูกจะเริ่มชัดเจนขึ้น เช่น จาม, คัดจมูก, น้ำมูกใส, คันตา ซึ่งมักเกิดจากการแพ้สารในอากาศ เช่น ไรฝุ่น, เกสร, หรือขนสัตว์

จัดการความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้ของลูกน้อย ตั้งแต่ก่อนคลอด
หากคุณพ่อคุณแม่มีประวัติภูมิแพ้ การวางแผนตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์สามารถช่วยลดโอกาสที่ลูกจะเกิดโรคภูมิแพ้ได้ เช่น
- รับประทานอาหารหลากหลาย ปรุงสุก และลดอาหารแปรรูประหว่างตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และสารเคมีระหว่างตั้งครรภ์และให้นม
- ให้นมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เพราะน้ำนมแม่มีสารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่เหมาะสม
- หากต้องใช้นมเสริม อาจพิจารณานมสูตรพิเศษ (ตามคำแนะนำของแพทย์)
ดูแลลูกอย่างไร? เมื่อเริ่มแสดงอาการแพ้
เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณผิดปกติ เช่น ผื่นเรื้อรัง ไอเรื้อรัง หรือจามตลอดเวลา ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแนวทางดูแลที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยไว้โดยไม่รักษา เพราะอาจลุกลามและส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ได้
สิ่งสำคัญ คือ หลีกเลี่ยง สิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น เชื้อรา ขนสัตว์ และกลิ่นฉุนต่างๆ รวมถึงควรให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและระบายอากาศดี

การป้องกันภูมิแพ้ในเด็ก เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้
- รักษาความสะอาดภายในบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะห้องนอน
- หลีกเลี่ยงการใช้พรม ผ้าม่าน หรือของสะสมฝุ่นในห้องเด็ก
- ให้นมแม่อย่างต่อเนื่องในช่วงปีแรก
- สังเกตและบันทึกอาการเมื่อลูกได้รับอาหารหรือสัมผัสสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ
- หากมีสัตว์เลี้ยง ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์เข้าห้องนอนลูก
อาการบางอย่างจะดูไม่รุนแรง เช่น คัดจมูกหรือผื่นคัน แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้ดูแลอย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ การเรียนรู้ และคุณภาพชีวิตของเด็กได้
โรคภูมิแพ้ในเด็กไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการเลี้ยงดู และประวัติสุขภาพของครอบครัว แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การรู้เท่าทันและวางแผนดูแลตั้งแต่ต้น จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ
หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการของลูก หรืออยากขอคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อโรงพยาบาลของเราได้เลย เรายินดีดูแลด้วยความเข้าใจและห่วงใย
โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร
ที่อยู่: 22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
เบอร์โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: https://srisukho.co.th/



