การวัดความดันโลหิตเป็นการตรวจสุขภาพพื้นฐานที่หลายคนคุ้นเคย แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยก็คือ “ค่าปกติของความดันคือเท่าไหร่?” และเมื่อไรที่เรียกว่าสูงหรือต่ำเกินไป ค่าตัวเลขที่เห็นบนเครื่องวัดจริง ๆ แล้วบอกอะไรเราบ้าง?
บทความนี้จะพาไปรู้จักความหมายของค่าความดันโลหิตอย่างละเอียด พร้อมวิธีวัดความดันให้ถูกต้อง และเข้าใจว่าค่าที่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเรา โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน หรือผู้สูงอายุที่ควรใส่ใจตัวเลขนี้เป็นพิเศษ
ความดันโลหิตคืออะไร ?
ความดันโลหิต คือ แรงดันที่เลือดกระทำต่อผนังหลอดเลือดในขณะหัวใจสูบฉีด โดยทั่วไปแล้วค่าความดันจะแสดงออกเป็น 2 ตัวเลข เช่น 120/80 มิลลิเมตรปรอท (mmHg) ซึ่งแยกได้เป็น
- ค่าบน (Systolic) คือ ค่าความดันขณะหัวใจบีบตัว
- ค่าล่าง (Diastolic) คือ ค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว
ค่าความดันโลหิตแบบไหนเรียกว่าปกติ
ค่าความดันโลหิตปกติจะมีช่วงที่แนะนำโดยสถาบันทางการแพทย์ และ ค่าที่เหมาะสมอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุ เพศ ภาวะสุขภาพ และยาที่ใช้ร่วมด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งออกได้เป็น
ตารางเกณฑ์ค่าความดันโลหิต (อัปเดตสำหรับผู้ใหญ่)
| ระดับความดันโลหิต | ค่าตัวบน (Systolic) | ค่าตัวล่าง (Diastolic) | คำแนะนำ |
| ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) | ต่ำกว่า 90 | ต่ำกว่า 60 | หากไม่มีอาการ โดยทั่วไป มักไม่ถือว่าน่ากังวล และอาจพบได้ในคนปกติ ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อมีอาการเวียนศีรษะ หรือ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลมตามัว หรือ มองเห็นไม่ชัดชั่วขณะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรงคลื่นไส้มึนงง สับสนผิวซีด เย็น |
| ค่าที่เหมาะสม (Optimal) | น้อยกว่า 120 | น้อยกว่า 80 | ความดันปกติ (เป็นค่าที่ควรพยายามรักษาไว้) |
| ค่าปกติ (Normal) | 120 – 129 | 80 – 84 | ภาวะความดันโลหิตสูงเล็กน้อย ควรเริ่มสังเกต |
| ค่าปกติค่อนข้างสูง (High-Normal) | 130 – 139 | 85 – 89 | ภาวะความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้น ระดับที่ควรเฝ้าระวัง |
| ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) | 140 ขึ้นไป | 90 ขึ้นไป | ภาวะความดันโลหิตสูงที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด ควรรีบพบแพทย์ด่วน *ค่าความดันระดับนี้บ่งชี้ถึงความเสี่ยงสูงต่อโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวาย |
หมายเหตุ: เกณฑ์นี้ใช้สำหรับการวัดที่สถานพยาบาล หากวัดที่บ้าน ค่าที่เข้าเกณฑ์ความดันโลหิตสูงอาจต่ำกว่านี้เล็กน้อย คือตั้งแต่ 135/85 มม.ปรอท ขึ้นไป

ความดันสูง อันตรายอย่างไร ?
ภาวะความดันโลหิตสูงมักถูกเรียกว่า “ภัยเงียบ” (Silent Killer) เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่แทบไม่มีอาการใดๆ เลย หลายคนใช้ชีวิตปกติจนกระทั่งเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงขึ้นมา
อาการที่อาจพบ (ในกรณีที่ความดันสูงมากๆ)
- ปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย (มักปวดตอนเช้า)
- เวียนศีรษะ มึนงง
- ตามัว หรือมองเห็นไม่ชัด
- ใจสั่น หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ
- อาจมีเลือดกำเดาไหล
ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว หากไม่ควบคุม
เมื่อหลอดเลือดต้องรับแรงดันที่สูงกว่าปกติเป็นเวลานานๆ อวัยวะสำคัญต่างๆ จะเริ่มเสื่อมสภาพ
- หัวใจ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น นำไปสู่ภาวะหัวใจโต, กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, หรือภาวะหัวใจล้มเหลว
- สมอง เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ทั้งการแตก (Hemorrhagic) หรือการอุดตัน (Ischemic)
- ไต ทำให้หลอดเลือดที่ไตเสื่อม นำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง
- ตา ทำให้หลอดเลือดที่จอประสาทตาเสียหาย อาจทำให้ตามัว หรือสูญเสียการมองเห็น
- หลอดเลือดส่วนปลาย อาจเกิดการอุดตันที่หลอดเลือดแดง
ความดันต่ำ อันตรายไหม ?
ความดันโลหิตต่ำ มักถูกมองว่าไม่ร้ายแรงเท่าความดันสูง แต่ถ้าค่าต่ำเกินไป เช่น ต่ำกว่า 90/60 และมีอาการหน้ามืด อ่อนแรง หรือวิงเวียน อาจสะท้อนถึงภาวะเลือดไหลเวียนไม่เพียงพอ และควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะขาดน้ำ, ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด, หรือปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
ใครบ้างที่ควรวัดความดันสม่ำเสมอ
- ผู้มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือใช้ชีวิตอยู่กับความเครียดสะสม

วิธีวัดความดันที่ถูกต้อง
การวัดความดันโลหิตด้วยตัวเองหรือที่คลินิก ควรมีขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อให้ค่าที่ได้แม่นยำ
การเตรียมตัวก่อนวัด
- งดปัจจัยกระตุ้น (30 นาทีก่อนวัด)
ไม่ควรดื่มชา, กาแฟ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, หรือสูบบุหรี่ และควรงดการออกกำลังกายหนักๆ ก่อนวัด - ปัสสาวะให้เรียบร้อย
การปวดปัสสาวะอาจทำให้ความดันสูงขึ้นเล็กน้อย - นั่งพัก 5 นาที ก่อนเริ่มวัด
ควรนั่งพักในท่าที่สบายๆ อย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้ร่างกายและหัวใจสงบลง
ขั้นตอนการวัดความดันที่ถูกต้อง
- นั่งบนเก้าอี้โดยพิงพนักเก้าอี้ เท้าสองข้างวางราบกับพื้น (ห้ามไขว่ห้าง)
- วางแขนบนโต๊ะ โดยให้แขนอยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ (หากไม่แน่ใจ ให้ใช้หมอนรองแขน)
- พันปลอกแขนที่ต้นแขน (เหนือข้อพับ) โดยไม่สวมเสื้อผ้าทับ (ไม่ควรรัดแน่นหรือหลวมเกินไป)
- ขณะวัด ห้ามพูดคุย ห้ามขยับตัว และควรวัดซ้ำอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 นาที แล้วจดบันทึกค่าเฉลี่ยไว้
ถ้าความดันไม่อยู่ในเกณฑ์ (ต่ำ-สูงเกินไป) ควรทำอย่างไร ?
หากวัดแล้วพบว่าความดันไม่ปกติ ไม่ควรรีบด่วนวินิจฉัยตนเอง แต่ควรบันทึกค่าไวและติดตามต่อเนื่อง หากค่าผิดปกติบ่อย หรือวัดซ้ำ 2 ครั้งแล้วยังอยู่ในเกณฑ์ภาวะความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้น-เฝ้าระวังสูงสุด ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อตรวจเพิ่มเติม หรือปรับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น
- ลดเค็ม ลดน้ำหนัก
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- นอนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงความเครียด
ค่าความดันโลหิตดูเหมือนเป็นเพียงตัวเลข แต่ในทางการแพทย์ ตัวเลขเหล่านี้คือสัญญาณบอกสุขภาพของหลอดเลือด หัวใจ และระบบต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้นแม้ไม่มีอาการผิดปกติ การตรวจวัดเป็นประจำ และเข้าใจค่าที่ได้ จะช่วยให้เราควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับค่าความดันโลหิต หรือสนใจเข้ารับการตรวจสุขภาพ สามารถติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้โดยตรง
โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร
ที่อยู่: 22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
เบอร์โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: https://srisukho.co.th



