ผิวหนังของเด็กเล็ก มีความบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า จึงเกิดความระคายเคืองหรือโรคผิวหนังได้ง่าย ทั้งจากสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิ อาหาร หรือแม้แต่สารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำวัน สำหรับพ่อแม่แล้ว การสังเกตอาการผิวหนังตั้งแต่ระยะแรกเริ่มและเข้าใจวิธีการดูแลที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ลูกน้อยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก พร้อมคำแนะนำในการดูแลรักษาเบื้องต้นอย่างเหมาะสม
ผิวเด็กเล็กทำไมถึงไวต่อโรคผิวหนัง
ผิวของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ ชั้นป้องกันผิว (skin barrier) จึงบางและไวต่อการสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้ได้ง่าย รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันที่ยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่ายหากมีรอยแดงหรือแผล

รวมโรคผิวหนังที่พบบ่อยในเด็กเล็ก
1. ผื่นผ้าอ้อม (Diaper Rash)
สาเหตุเกิดจากความอับชื้นและการเสียดสีจากผ้าอ้อม ส่งผลให้ผิวบริเวณก้นหรือขาหนีบเป็นผื่นแดง อาจมีตุ่มแดงหรือลอกเป็นแผ่นร่วมด้วย
วิธีดูแล ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยขึ้น ล้างด้วยน้ำสะอาดและปล่อยให้ผิวแห้งก่อนใส่ใหม่ หากอาการไม่ดีขึ้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบตามคำแนะนำของแพทย์
2. ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)
เกิดจากผิวหนังสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำยาซักผ้า สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม
วิธีดูแล หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุทันที และล้างผิวให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อพิจารณาวิธีรักษาเพิ่มเติม

3. ผิวแห้งและลอกเป็นขุย (Xerosis)
เด็กบางคนอาจมีผิวแห้งมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็น ผิวอาจลอกเป็นขุยหรือมีอาการคันร่วมด้วย
วิธีดูแล ใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นที่ไม่มีน้ำหอมและอ่อนโยนต่อผิวเด็ก หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดหรือนานเกินไป
4. โรคเชื้อราบนผิวหนัง เช่น กลาก (Ringworm)
เกิดจากเชื้อราที่เข้าสู่ผิวหนังบริเวณที่อับชื้น เช่น หนังศีรษะ ขาหนีบ หรือข้อพับ อาการจะเป็นผื่นวงกลมหรือวงรี คัน และอาจลอกเป็นขุย
วิธีดูแล หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงหากมีเชื้อ ควรใช้ยาต้านเชื้อราตามที่แพทย์แนะนำ และรักษาความสะอาดบริเวณผื่นอย่างต่อเนื่อง
5. หิด (Scabies)
เกิดจากไรขนาดเล็กที่เข้าไปอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นและอาการคันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเวลากลางคืน
วิธีดูแล ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับยาทาเฉพาะที่ รวมถึงการซักเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และของใช้ร่วมกันในน้ำร้อนเพื่อกำจัดตัวไร

6. ลมพิษ (Urticaria)
เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้แบบเฉียบพลัน ทำให้มีผื่นนูนแดง คัน และอาจเกิดทั่วตัว สาเหตุอาจมาจากอาหาร ยา แมลงกัดต่อย หรืออากาศ
วิธีดูแล หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่สงสัย และใช้ยาลดอาการแพ้ตามที่แพทย์แนะนำ หากอาการรุนแรงหรือหายใจลำบากควรรีบไปโรงพยาบาลทันที
7. ตุ่มน้ำใส (Miliaria หรือ Heat Rash)
พบได้บ่อยในเด็กที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนหรือชื้น เกิดเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ บริเวณหลัง คอ หรือหน้าอก
วิธีดูแล ลดอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง สวมเสื้อผ้าโปร่งสบาย และหลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะ
คำแนะนำในการดูแลผิวเด็กเล็ก
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเด็ก
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม สารฟอกขาว หรือแอลกอฮอล์
- อาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง และใช้สบู่อ่อนโยน
- ไม่ควรเกาบริเวณที่เป็นผื่น เพราะอาจติดเชื้อได้
- พาเด็กพบแพทย์ทันทีหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน
โรคผิวหนังในเด็ก ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลอย่างเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ การเฝ้าสังเกตผิวลูกน้อยและพบแพทย์เมื่อจำเป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
สอบถามเพิ่มเติมหรือรับคำปรึกษาด้านผิวหนังเด็ก
โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร
ที่อยู่: 22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
เบอร์โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: https://srisukho.co.th