อายุมากขึ้น ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง อาการที่พบได้บ่อยคือ “เท้าบวม” ซึ่งจะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเกิดบ่อยหรือไม่ยุบลงตามธรรมชาติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะอื่นที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ระบบไหลเวียนเลือด การทำงานของอวัยวะภายใน และความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อลดลง สาเหตุของอาการเท้าบวมในผู้สูงอายุ พร้อมแนะนำแนวทางดูแลเบื้องต้นอย่างเหมาะสมค่ะ
เท้าบวม คืออะไร
อาการเท้าบวม เกิดจากการที่ของเหลวสะสมบริเวณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังมากเกินไป โดยมักเริ่มที่ปลายเท้า ข้อเท้า และอาจลามถึงน่อง เมื่อกดลงจะมีรอยบุ๋ม หรือบางรายบวมตึงจนไม่สามารถสวมรองเท้าได้อย่างปกติ

สาเหตุที่ทำให้เท้าบวมในผู้สูงอายุ
1. การไหลเวียนของเลือดถดถอย
ผู้สูงอายุมีหลอดเลือดที่ไม่ยืดหยุ่นเท่าคนวัยหนุ่มสาว ส่งผลให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจได้ช้าลง ของเหลวจึงค้างบริเวณเท้ามากขึ้น
2. ภาวะหัวใจทำงานผิดปกติ
หากหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้ของเหลวคั่งบริเวณปลายขา ซึ่งเป็นอาการที่พบร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือหอบ
3. ไตทำงานลดลง
ไตมีหน้าที่ ขับของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย หากไตทำงานได้ไม่ดี จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากเกินไป จนเกิดอาการบวม
4. ยาที่รับประทานอยู่
ผู้สูงอายุหลายคนมีโรคประจำตัวและอาจต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาลดความดันบางชนิด ยาควบคุมหัวใจ หรือยาลดการอักเสบที่อาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการบวมได้
5. ยืนนานหรือนั่งนานเกินไป
กิจวัตรที่มีการเคลื่อนไหวน้อย โดยเฉพาะการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงจนเกิดอาการบวมได้ง่าย
6. น้ำหนักตัวเกิน
เมื่อมีน้ำหนักมากกว่าปกติจะส่งผลต่อระบบไหลเวียนและการกดทับที่ขาและเท้ามากขึ้น ทำให้เกิดการบวมได้บ่อย

ควรพบแพทย์เมื่อใด
อาการเท้าบวมจะเกิดได้จากหลายปัจจัยที่ไม่รุนแรง แต่ก็มีบางกรณีที่ต้องระวัง เช่น
- บวมข้างเดียวร่วมกับอาการปวด กดเจ็บ หรือผิวบริเวณนั้นร้อน
- มีอาการหายใจลำบาก เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- ปัสสาวะน้อยลง หรือมีภาวะบวมที่ลามจากเท้าขึ้นมาสู่ขา
- เท้าบวมต่อเนื่องหลายวันและไม่ยุบเมื่อพักผ่อน

วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อผู้สูงอายุมีอาการเท้าบวม
1. ยกเท้าสูงกว่าระดับหัวใจเมื่อพัก
วางหมอนหนุนเท้าให้สูงขึ้น เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจได้สะดวก
2. หลีกเลี่ยงการนั่งนานเกินไป
กระตุ้นให้ผู้สูงอายุลุกเดินเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อขาได้ขยับและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
3. ตรวจสอบรองเท้าที่สวมใส่
ควรใช้รองเท้าที่นุ่มและพอดี ไม่รัดแน่นจนขัดขวางการไหลเวียนของเลือด
4. ควบคุมอาหารและลดเค็ม
อาหารรสเค็มหรือที่มีโซเดียมสูงส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ควรปรับเมนูให้เหมาะสมกับวัย
5. สังเกตและจดบันทึกอาการ
ควรบันทึกวันเวลา ลักษณะของอาการบวม รวมถึงกิจกรรมก่อนหน้า เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น
อาการเท้าบวมในผู้สูงอายุ จะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและอาจไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเสมอไป แต่การใส่ใจรายละเอียดของอาการ และไม่มองข้ามความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของร่างกาย คือสิ่งสำคัญสำหรับผู้ดูแล การพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คสาเหตุที่แท้จริง จึงเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด
สอบถามเพิ่มเติมหรือต้องการรับคำปรึกษาเรื่องสุขภาพผู้สูงอายุ
โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร
ที่อยู่: 22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
เบอร์โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: https://srisukho.co.th