ลูกน้อยแพ้อาหาร แพ้ฝุ่น ต้องดูยังไง? อาการแบบไหนควรรีบพาไปพบแพทย์

เมื่อเริ่มเห็นลูกมีผื่นแดง น้ำมูกไหล หรือไอ อาจสงสัยว่าเป็นผลจากการแพ้อาหารหรือแพ้ฝุ่น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าประสาทการรับรู้ของลูกยังคงอยู่ในช่วงพัฒนา การที่ลูกได้ลองอาหารใหม่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก จึงอาจเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย บทความนี้ช่วยให้รู้ว่าอาการแบบไหนต้องใส่ใจ พร้อมวิธีสังเกตเบื้องต้นเพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ และแนวทางการดูแลลูกน้อยที่เหมาะสม

อาการแพ้อาหารในเด็กเล็ก

เมื่อลูกได้ลองอาหารใหม่ เช่น นมหรือไข่ อาจเกิดอาการแพ้ขึ้นภายในไม่กี่นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง โดยอาการที่สังเกตได้บ่อยคือ ผื่นขึ้นเป็นจ้ำ หรือ ลมพิษ รวมถึงมีอาการบวมที่บริเวณรอบปาก ลิ้น หรือริมฝีปาก นอกจากนี้อาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ง่ายยิ่งขึ้นหากมีประวัติการแพ้ในครอบครัว

แม้ว่าอาการส่วนใหญ่อาจไม่รุนแรง แต่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะบางครั้งอาการแพ้อาจลุกลามไปจนถึงการหดตัวของทางเดินหายใจ หรือความดันโลหิตต่ำได้

ในบางกรณี อาการแพ้อาจแสดงออกผ่านทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักไม่ขึ้น หรือมีเลือดปนในอุจจาระ หากลูกมีอาการเหล่านี้ควรรีบหยุดอาหารชนิดนั้นทันที แล้วปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป

อาการแพ้ฝุ่น ฝอยลอยในอากาศ

อาการแพ้ในเด็กเล็กอาจไม่ได้มาจากแค่อาหาร แต่ยังเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หรือสารคัดหลั่งจากสัตว์เลี้ยง อาการที่สังเกตได้บ่อยคือ ไอเรื้อรัง คัดจมูก น้ำมูกไหล โดยที่ไม่มีไข้ รวมถึงมีอาการหายใจเสียงดัง หรือหายใจไม่สะดวก

แหล่งที่มาของสารก่อภูมิแพ้อาจอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด เช่น บริเวณเตียงนอนหรือเครื่องปรับอากาศที่สะสมฝุ่นไว้เป็นจำนวนมาก

หากลูกของคุณเริ่มมีอาการ ไอและคัดจมูกต่อเนื่องกันหลายวันโดยไม่มีไข้ แนะนำให้ลองทำความสะอาดบ้านเพื่อลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ และควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด พร้อมปรึกษาแนวทางการดูแลที่เหมาะสมต่อไป

อาการแพ้ไหนต้องรีบพบแพทย์

หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการประเมินและให้คำแนะนำที่เหมาะกับวัยและสภาพร่างกาย

  • ผื่นลมพิษทั่วตัว บวมริมฝีปากหรือตา หรือเหงื่อออกผิดปกติ
  • หายใจเสียงวี๊ด หอบหายใจ หรือดูเหมือนหายใจไม่ออก
  • อาเจียนรุนแรงต่อเนื่อง หรือมีเลือด หรือถ่ายเหลวหลายครั้ง
  • ไม่กินนมหรืออาหาร ไม่ตื่นตัวหรือง่วงนานกว่า 6 ชั่วโมง
  • มีไข้สูง ร่วมกับอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือไม่ดีขึ้นภายในวันเดียว

วิธีสังเกตและดูแลเบื้องต้นที่บ้าน

การดูแลลูกน้อยที่มีแนวโน้มแพ้อาหารหรือแพ้ฝุ่นเริ่มต้นได้จากที่บ้าน โดยพ่อแม่สามารถสังเกตและปรับสิ่งแวดล้อมเพื่อลดโอกาสกระตุ้นอาการแพ้ได้ดังนี้

สังเกตสิ่งที่ลูกกินและสัมผัส

จดบันทึกรายการอาหารใหม่ หรือสิ่งแวดล้อมที่ลูกเพิ่งเจอ เพื่อให้รู้ว่ามีสิ่งไหนที่อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น ผื่น คัดจมูก หรืออาเจียน หากมีอาการหลังจากกินหรือสัมผัสสิ่งใด ควรหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นไว้ก่อน

แยกภาชนะสำหรับเด็กแพ้อาหาร

ใช้จาน ช้อน หรือขวดนมแยกเฉพาะสำหรับลูกที่มีประวัติแพ้อาหาร เพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้โดยไม่รู้ตัว

ลดฝุ่นและเชื้อราในบ้าน

หมั่นซักผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน และทำความสะอาดพรมเป็นประจำ รวมถึงเลือกใช้เครื่องกรองอากาศหรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท เพื่อช่วยลดสิ่งกระตุ้นที่ล่องลอยในอากาศ

เลือกอาหารให้เหมาะสม

หลีกเลี่ยง อาหารรสจัดหรือที่มีน้ำตาลและแป้งสูงเกินไป ซึ่งอาจกระตุ้นให้ระบบย่อยของเด็กทำงานหนักเกินจำเป็น ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ และเน้นอาหารย่อยง่าย

รับคำปรึกษาจากแพทย์

หากอาการขึ้นบ่อยๆ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อวางแผนดูแลอย่างเหมาะสม อาจจำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม หรือปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีสุขภาพที่ดีขึ้น

หากลูกได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้อาหารหรือแพ้ฝุ่น อาจต้องติดตาม และทดสอบภูมิแพ้เพิ่มเติม รวมถึงแบ่งปันความรู้กับคนรอบตัว เช่น ครู ผู้ดูแลเด็ก หรือญาติ เพื่อช่วยลดโอกาสให้ลูกสัมผัสกับสิ่งที่แพ้ การปรับสภาพแวดล้อม เลือกอาหารอย่างระมัดระวัง และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้เด็กปลอดภัยทั้งตอนกินอาหารและอยู่ในบ้าน พ่อแม่จึงควรเข้าใจและการสังเกตอาการ เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกสถานการณ์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่

โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: เพิ่มเพื่อน @Srisukho
เว็บไซต์: srisukho.co.th
ที่ตั้งโรงพยาบาล: 22/29 ถ.สระหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร 66000

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Scroll to Top