อ่อนเพลียเรื้อรัง เหนื่อยล้าไม่สดใส อาจไม่ใช่แค่พักผ่อนไม่พอ

ตื่นมาก็รู้สึกเหนื่อย หัวไม่โล่ง สมองตื้อ ร่างกายเหมือนไม่พร้อมเริ่มวันใหม่ ทั้งที่ก่อนนอนก็คิดว่าหลับพอแล้ว อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ “พักผ่อนไม่เพียงพอ” แต่อาจมีปัจจัยอื่นแฝงอยู่ที่เรามองข้าม หากปล่อยไว้นาน อาจส่งผลกระทบทั้งด้านสุขภาพกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง

อาการของอ่อนเพลียเรื้อรังเป็นอย่างไร

  • รู้สึกไม่มีแรง ไม่กระปรี้กระเปร่าแม้จะนอนครบชั่วโมง
  • เบลอ มึนหัว มีปัญหาในการจดจ่อหรือตัดสินใจ
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต
  • ปวดกล้ามเนื้อหรือเมื่อยล้าแบบไม่มีสาเหตุ
  • ทำกิจวัตรเดิม ๆ ได้ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
  • นอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง
  • มีอาการใจสั่น เหงื่อออกง่าย หรือหายใจไม่สุดร่วมด้วยในบางราย

สาเหตุที่พบบ่อยของอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

1. ภาวะโลหิตจาง 

ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ผิวซีด ใจเต้นเร็ว

2. ฮอร์โมนไม่สมดุล  

ภาวะไทรอยด์ต่ำ หรือการทำงานของต่อมหมวกไตผิดปกติ

3. โรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง 

หากควบคุมระดับน้ำตาลหรือความดันได้ไม่ดี จะทำให้ร่างกายอ่อนแรงเรื้อรัง

4. ภาวะซึมเศร้าและความเครียด 

ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจแบบไม่รู้ตัว ผู้ป่วยบางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ในภาวะนี้

5. การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด 

โดยเฉพาะวิตามินบี ธาตุเหล็ก วิตามินดี หรือแมกนีเซียม มีบทบาทในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

6. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) 

ผู้ป่วยอาจดูเหมือนหลับทั้งคืน แต่คุณภาพการนอนไม่ดี ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียในตอนเช้าเสมอ

ไม่ใช่ทุกอาการเหนื่อยจะมาจากการพักผ่อนไม่พอ

หลายคนคิดว่า แค่ได้นอนมากขึ้นก็จะดีขึ้น แต่บางรายแม้นอนวันละ 8–9 ชั่วโมงก็ยังรู้สึกไม่สดชื่น อาจเป็นเพราะร่างกายมีภาวะผิดปกติบางอย่าง ที่ต้องการการวินิจฉัยและดูแลเฉพาะทาง เช่น ภาวะฮอร์โมนผิดสมดุลหรือโรคระบบภูมิคุ้มกัน

ควรทำอย่างไรเมื่อมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

  • จดบันทึกอาการ และช่วงเวลาที่รู้สึกเหนื่อยมากที่สุด เพื่อสังเกตความสัมพันธ์กับพฤติกรรมหรือกิจวัตร
  • ตรวจสุขภาพ เพื่อดูค่าต่าง ๆ เช่น น้ำตาลในเลือด ความดัน ฮอร์โมน โลหิตจาง หรือภาวะขาดสารอาหาร
  • ประเมินภาวะวิตกกังวล หรือปัจจัยทางจิตใจร่วมด้วย เพราะอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอ่อนล้าโดยไม่รู้ตัว
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น เลี่ยงคาเฟอีนช่วงเย็น ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ จัดตารางชีวิตให้เป็นระบบ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือวิตามินเสริมโดยไม่จำเป็น หากยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง

หากอาการอ่อนเพลียส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดและวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสม อย่ารอให้ “ความเหนื่อย” กลายเป็นอุปสรรคต่อคุณภาพชีวิต เพราะบางครั้งร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

โรงพยาบาลศรีสุโข พิจิตร
ที่อยู่:
22/29 ถนนสระหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000
โทรศัพท์: 056 612 377
สายด่วน: 063 339 3654
LINE Official: @Srisukho
เว็บไซต์: srisukho.co.th

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Scroll to Top